พลิกโฉมงานวิจัยสู่ ‘คลัสเตอร์นวัตกรรม’ ดึงกูรูดังปั้นเครือข่ายนักวิจัย ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ

คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) เดินหน้ายกระดับศักยภาพทางวิชาการ จัดโครงการพัฒนาทักษะและสมรรถนะนักวิจัยเพื่อการวิจัยเชิงนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ (Research Network) และการจัดตั้งคลัสเตอร์งานวิจัยที่เข้มแข็ง โดยได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.กล้าหาญ ณ น่าน เป็นประธานในพิธีเปิด และ ศ.ดร.ศากุน บุญอิต ผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ ณ ห้องประชุมเภตรามาส (BA4902) อาคาร 4

เมื่อช่วงเช้าของ วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2568 คณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี ได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สำคัญในการพลิกโฉมบทบาทจากสถาบันการศึกษา สู่การเป็นผู้นำทางความคิด (Thought Leadership) ตามแนวทาง "The Practical Innovator" หรือ นักปฏิบัติผู้สร้างสรรค์ โดยมี ศ.ดร.กล้าหาญ ณ น่าน ให้เกียรติเป็นประธานเปิด "โครงการพัฒนาทักษะและสมรรถนะนักวิจัยเพื่อการวิจัยเชิงนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ" ณ ห้องประชุมเภตรามาส (BA4902) อาคาร 4 คณะบริหารธุรกิจ กิจกรรมนี้ได้รับความสนใจจากผู้บริหารและคณาจารย์เข้าร่วมอย่างคับคั่ง โดยไฮไลต์สำคัญคือการบรรยายในหัวข้อ "การพัฒนาเครือข่ายนักวิจัย" โดย ศ.ดร.ศากุน บุญอิต ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของคณะในการก้าวข้าม "กับดักระบบราชการ" ที่มักเน้นเพียงพิธีการ ไปสู่การสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทางวิชาการ โดยมุ่งเน้นการยกระดับงานวิจัยให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ เปลี่ยนปรัชญาการทำงานจากการต่างคนต่างทำ มาเป็นการผนึกกำลังในรูปแบบ "Research Cluster" เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองและการแข่งขันในระดับสากล สอดรับกับบริบทของตลาดการศึกษายุคใหม่ที่ความน่าเชื่อถือทางวิชาการคือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของแบรนด์ ซึ่งสอดคล้องกับการสร้างรากฐานความยั่งยืนให้กับคณะบริหารธุรกิจในการเป็นสถาบันชั้นนำที่ผลิตงานวิจัยคุณภาพสูงเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย

เนื้อหาการอบรมตลอดทั้งวัน ระหว่างเวลา 09.00 - 16.00 น. ครอบคลุมประเด็นเชิงลึกที่สำคัญต่อการปฏิรูปโครงสร้างงานวิจัย ได้แก่ "การพัฒนากลยุทธ์และทิศทางการวิจัยของคณะให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ" "แนวทางการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิจัยระดับคณะและสถาบัน" และ "กลยุทธ์การขับเคลื่อนคลัสเตอร์งานวิจัยสู่ความยั่งยืน" การบรรยายโดย ศ.ดร.ศากุน บุญอิต ได้เจาะลึกถึงเทคนิคการสร้างเครือข่ายความร่วมมือข้ามสาขา (Cross-disciplinary Collaboration) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความท้าทายของโลกยุคปัจจุบัน การอบรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการให้ความรู้ แต่ยังเป็นการวางรากฐานทางความคิดเพื่อเปลี่ยนผ่านวัฒนธรรมองค์กร ให้คณาจารย์มองเห็นโอกาสในการสร้างสรรค์งานวิจัยที่มีผลกระทบสูง (High Impact Research) แทนการวิจัยเพื่อการตีพิมพ์เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นแนวทางที่มหาวิทยาลัยชั้นนำใช้ในการสร้างบารมีทางวิชาการ (Prestige Model) การสร้างคลัสเตอร์งานวิจัยที่เข้มแข็งนี้ ยังเปรียบเสมือนการสร้าง "Content Pillar" ใหม่ให้กับคณะฯ ในการสื่อสารกับสังคมภายนอก แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและความพร้อมในการเป็นที่พึ่งพิงทางปัญญาให้กับภาคธุรกิจและชุมชน ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักศึกษารุ่นใหม่ที่มองหาความสำเร็จที่จับต้องได้และสถาบันที่มีความทันสมัยทางวิชาการ

ในมิติของความยั่งยืน การขับเคลื่อนคลัสเตอร์งานวิจัยสู่ความยั่งยืนถือเป็นหัวใจสำคัญของการอบรมในครั้งนี้ โดย ศ.ดร.ศากุน บุญอิต ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างระบบนิเวศการวิจัยที่ไม่เพียงแต่พึ่งพางบประมาณสนับสนุน แต่ต้องสามารถยืนหยัดได้ด้วยการสร้างคุณค่าให้กับสังคมและภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาเครือข่ายนักวิจัยที่เข้มแข็งจะนำไปสู่การแบ่งปันทรัพยากร องค์ความรู้ และเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในการสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลก การที่ คณะบริหารธุรกิจ มทร.ธัญบุรี ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการเตรียมความพร้อมบุคลากรให้เป็น "นักวิจัยเชิงนวัตกรรม" ที่สามารถผลิตผลงานที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง กิจกรรมนี้จึงไม่ใช่เพียงการอบรมระยะสั้น แต่เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการเปลี่ยนแปลงระยะยาว เพื่อยกระดับคณะบริหารธุรกิจให้เป็นศูนย์กลางแห่งนวัตกรรมและการเรียนรู้ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล พร้อมทั้งสร้างบัณฑิตนักปฏิบัติที่มีความรู้ความสามารถบนฐานของการวิจัยที่เข้มข้น ตามอัตลักษณ์ของราชมงคลที่เน้นความเป็นเลิศด้านวิชาชีพและเทคโนโลยี และเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ใหม่ของคณะในการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง

🌱 ประเด็นด้านความยั่งยืน: การพัฒนาเครือข่ายงานวิจัยและการสร้างคลัสเตอร์วิจัยเชิงนวัตกรรม สอดคล้องโดยตรงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ดังนี้:

• SDG 4: Quality Education (การศึกษาที่มีคุณภาพ)

  • SDG 4.4: การเพิ่มจำนวนเยาวชนและผู้ใหญ่ที่มีทักษะที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทักษะทางเทคนิคและอาชีพ เพื่อการจ้างงาน การมีงานทำที่ดี และการเป็นผู้ประกอบการ ผ่านการยกระดับความรู้ของคณาจารย์ผู้วิจัย

• SDG 9: Industry, Innovation and Infrastructure (อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน)

  • SDG 9.5: การเพิ่มพูนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ปรับปรุงขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของภาคอุตสาหกรรมในทุกประเทศ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงการส่งเสริมนวัตกรรม

• SDG 17: Partnerships for the Goals (ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน)

  • SDG 17.16: การยกระดับหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเสริมด้วยหุ้นส่วนความร่วมมือหลายภาคส่วน เพื่อระดมและแบ่งปันความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และทรัพยากรทางการเงิน